วันนี้ต้องตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะคนอื่น ๆ จะเดินทางกลับก่ิอนเลยไปส่งขึ้นรถไฟฟ้า ใจหายมาก ๆ เลย อีกหลายวันต่อจากนี้จะเหลือเราแค่ 2 คนเหรอเนี่ย ??? แต่ยังไงเราก็เลือกแล้วนี่ว่าจะอยู่ต่อ ก็จงใช้เวลาให้คุ้มค่า ดูแลตัวเอง และคนข้าง ๆ ให้ดีที่สุดแล้วกัน
ที่แรกที่เราไปวันนี้คือ Osaka Musuem of History เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดที่เคยไปมาเลย มีทั้งหมด 12 ชั้น ป้าย information ทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย ดูจากตัวเลขแล้วเห็นมี 2 option 600, 600, 1000 ราคาที่เราโน๊ตไว้คือ 600 เยน นึกว่า 1000 เยนคือราคาโปรโมชั่น 2 คน แต่ที่ไหนได้เค้าแบ่งสิทธิ์การเข้าชมพิพิทธภัณฑ์ คือ
ชั้น 7-10 = 600 เยน
ชั้น 11-12 = 600 เยน
แต่ถ้าเข้าทั้ง 2 อย่าง 1000 เยน
เราจึงตัดสินใจเเลือกที่จะเข้าแค่ชั้น 7-10 เหมือนคนอื่น ๆ ใช้เวลาตั้งแต่ 13.00 ถึง 14.20
NHK (ถ่ายจากชั้น 7 ของพิพิธภัณฑ์)
เราสองคนเดินจากพิพิธภัณฑ์ไปปราสาทโอซาก้าตอนบ่าย 3 แดดช่างร้อนจริง ๆ เลย แต่ยังโชคดีที่มีร่มคู่ใจ ขืนใส่แต่หมวกมีหวังหัวไฟไหม้แน่เลย ระยะทางไกลเหมือนกัน ประมาณ 2 กิโลเมตร ระหว่างทางมีร้านขายไอติมหน้าตาเหมือนไอติม MC อันละ 8 บาท แต่ด้วยตวามร้อน + เหนื่อย เลยตัดสินใจซื้อไอติมที่ว่าผ่านตู้ขายอัตโนมัติราคาอันละ 300 เยน แพงเน๊อะ แต่อยู่นี่มาหลายวันเริ่มจะชินกับความแพงบ้างแล้วละ
และแล้วก็มาถึงปราสาทโอซาก้าแบบเหงื่อท่วม ๆ ว้าววววววววววววววววววว !!! สวยมาก ๆ เลย สวยกว่าที่เคยในหนังสือ, Internet ตั้งหลายเท่า ปราสาทสีขาว หลังคาสีน้ำเงิน และมีสีทองมาตัด อร่ามจริง ๆ เลย

ในตัวปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้น ติดแอร์เย็นชื่นใจด้วย เราเลือกที่จะขึ้นลิฟท์ไปชั้น 6 (ลิฟท์สูงสุดที่ชั้นนี้) แล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบนสุด สูงเหมือนกันนะ ได้ชมวิวเมืองโอซาก้าด้วย อุดหนุนโปสการ์ดจากที่นี่ 3 ใบ
แล้วก็เดินลงไปดูในชั้นอื่น ๆ อย่างถี่ถ้วน ทำดีมาก ๆ เลย ขนาดว่าเราอ่าน + ฟัง ภาษาญี่ปุ่นไม่ออกยังพอรู้เรื่องเลย เค้าทำเป็นเหมือนละครเล่าประวัติการสร้างตัวปราสาทอย่างละเอียดด้วย เราดูยังเพลินเลย อยากฟังภาษาญี่ปุ่นออกจัง
จนมาถึงชั้น 1 เจอร้านขายของที่ระลึกก็เข้าไปดู ได้กระเป๋า Osaka ติดมือมา 1 ใบกับขนมญี่ปุ่น 1 กล่อง
วันนี้เราเดินมากี่กิโลแล้วเนี่ย ทำไมเนื้อเต้นตุบ ๆ ๆ ๆ เลย ไม่อยากก้าวขาแล้วล่ะ แต่ด้วยเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด แล้วก็อยากเที่ยวให้ครบด้วย จึงต้องพยายามเดิน เดิน แล้วก็เดิน
ขากลับเราอยากลองออกอีกประตูเลยตัดสินใจเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Temmabashi ด้วยระยะทางมากกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อที่จะไปเดินเที่ยวย่าน Tenjimbashi Suji เป็นถนนยาว ๆ สำหรับช๊อปปิ้ง เหมือน Dotonbori แต่ไม่ทันสมัยเท่า ดูแผนที่แล้วก็คิดว่ามาถูก มันอยู่จุดนี้จริง ๆ นะ ไปถามคนญี่ปุ่นก็ไม่มีใครพูด Eng ได้ คราวนี้ก็หันไปเห็นฝรั่งสองคนไกล ๆ เลยวิ่งไปหา แต่พอไปถึงก็เจอเค้ายืนกางแผนที่ และทำเหมือนว่าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทางไหนดี (เหมือนเราเลย) กว่าจะหาเจอกะเหรี่ยง 2 คนก็เดินอ้อม ๆ ๆ ๆ ขอบ ๆ ของ Tenjimbashi Suji ซะเกือบรอบเลย หมดพลัง หิวข้าวด้วย มือล่าสุดก็มาม่ามะตอนสาย ๆ แวะร้านอาหารหน่อยแล้วกัน
คนรับ order พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ว่าใจดีมากเลย ก็พยายามอธิบายอาหารให้เราฟังเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็ไม่รู้เรื่อง แกเลยสั่งอะไรไม่รู้มาให้กิน อร่อย รสชาติเหมือนทาโกะยากิ แต่เป็นแผ่น ๆ เหมือนมะตะบะ แต่ต้องมาปรุงรสที่กระทะให้อร่อยถึงจะกินได้ เราสองคนก็ไม่รู้ว่าบนโต๊ะมีเครื่องปรุงอะไรบ้าง เลยลองทำไปชิมไปทีละนิด เค้าก็อุตส่าห์เลือกเมนูแบบกินง่ายที่สุดมาให้แล้ว แต่คงต้องยอมแพ้กะเหรี่ยงสองคนนี้จริง ๆ เลยต้องมาลงมือโชว์ฝีมือให้เราทึ่งกัน อย่างนี้ต้องแจกโหวตน้อยให้ซะแล้ว 

แล้วเราก็ต้องไปต่อเพราะมีอีกที่ ที่เราอยากไปในวันนี้คือ HEP FIVE/HEP NAVIO เป็นห้างใหญ่ ข้างบนสุดของห้าง (ชั้น 7) มีชิงช้าสวรรค์อันใหญ่ที่สามารถพาเราชมวิวเมืองโอซาก้ายามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม ด้วยราคาคนละ 500 เยน
ซื้อบัตรแล้วค๊า ตื่นเต้น ๆ ๆ
ตามป๋มมาเลยค้าบบบ
เดินไม่ไหวแล้ว ขอยืนเล่นเกมตรงนี้ละกัน
อย่าคิดว่าวันนี้เราสองคนจะหยุดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีอีกย่านที่เราอยากจะไปเดินกันคือ Kita-Shinchi ซึ่งเป็นย่านเที่ยวกลางคืนของคนรวย มีเหมือนมาเฟีย ยากูซ่าด้วย เราจึงต้องเดินเืที่ยวแบบตัวลีบ ๆ
กระเป๋า Louis Vuitton ที่ซื้อจากปราสาทโอซาก้าค๊า 
แสงสียามค่ำคืนของย่านคนมีก๊ะตังค์
น่ากลัวแต่ยังแอบถ่ายรูปเค้ามาอีกนะ
เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่จริง ๆ เลย แถมสถานี Namba ที่เราลงมันก็ไม่ได้มีรถไฟแค่สายเดียวด้วยสิ หาทางออกมะเจอ แง๊
เราเลยได้มาถ่ายกับป้าย Giligo (อย่างไม่ตั้งใจ) อีก 1 วัน
เหนื่อย ๆ อย่างนี้ขอดื่มกาแฟไฮโซแก้วจิ๋วราคา 430 เยน ให้ชื่นใจก่อนแล้วกันน๊อ
กลับมาถึงห้องตอนเที่ยงคืนครึ่ง แทนที่เราจะได้พักผ่อนกันอย่างสบายใจ กลับต้องมาพะวงกับเรื่องแผ่นดินไหว ที่เปิดไปช่องไหนก็เจอแต่รูปหลังคาบ้านพัง กระจกบ้านแตก ชั้นวางของในซุปเปอร์พัง ฯลฯ
คืนนี้เราจะนอนหลับมั้ยเนี่ย หรือควรจะเปลี่ยนคำถามว่าถ้าพรุ่งนี้เราตื่นมาแล้วเราอยู่ในซากตึกเราจะทำยังไง ขอให้คืนนี้นอนหลับแล้วกัน
Good Night ค่ะ



คืนนี้เราจะนอนหลับมั้ยเนี่ย หรือควรจะเปลี่ยนคำถามว่าถ้าพรุ่งนี้เราตื่นมาแล้วเราอยู่ในซากตึกเราจะทำยังไง ขอให้คืนนี้นอนหลับแล้วกัน
Good Night ค่ะ

Tweet