Thursday, July 31, 2008

Japan Trip (3rd day)

20 July (Sun.)

7.38 น. ได้ยินเสียงม๊าเอ็มมาเคาะประตูห้อง ห๊า !!!!!!!!!!!!!!! สายแล้ว ๆ ๆ ๆ Taxi จะมารับ 8 โมง คนที่นี่ยิ่งตรงเวลาซะด้วย ข้าวก็ยังไม่กิน น้ำก็ยังไม่อาบ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปห้องอาหารกะว่ากินนมซักแก้วก็ยังดี เพราะวันนี้ต้องทัวร์ทั้งวัน แต่ยังนับว่าพระเจ้ายังเข้าข้าง รถจะมารับช้า ม๊าเอ็มใจดีเลยบอกให้กิน ๆ ๆ ๆ เท่าที่กินทัน ปรากฎว่าท้องตึงอีกแล้ว Taxi พาไปส่งที่โรงแรม Sunrise ตรงข้ามกับ JR สถานีเกียวโตเลย ซึ่งมี K. Tetsu & K. ..... (จำชื่อไม่ได้) รอรับเราอยู่แล้ว พร้อมกับซื้อทัวร์เกียวโต 1 วันให้พวกเราทั้ง 10 คน

กลุ่มเราที่ไปมีทั้งต่างชาติและญี่ปุ่นเอง รวมแล้วประมาณ 30 คน โดยมีไกด์ 1 คน และผู้ช่วยอีกคน เราเริ่มไปที่ปราสาทนิโจเป็นที่แรก เวลา 8.30 น. ศาลเจ้า ........ และวิหารทองคำคิงคะคุจิ (Kinkakuji) ในช่วงเช้า แวะกินข้าวเที่ยงที่ Kyoto Handicraft Center และเริ่มช่วงบ่ายด้วย The Garden of Heian Jingu Shrine, พิพิธภัณฑ์..... และวัดน้ำใส (Kiyomizu-Dera) เป็นที่สุดท้ายของวันนี้


ปราสาทนิโจ


ศาลเจ้า ...... (วันนี้มีคนแต่งงานที่นี่ด้วย)


วิหารทองคำคิงคะคุจิ


ข้าวเที่ยงของเราวันนี้ เป็นแบบบุฟเฟ่ค่ะ ที่ Kyoto Handicraft Center



อิ่มแล้วก็เริ่มซ่า



ล้างมือเตรียมเที่ยววัดต่อค้าบบบ


The Garden of Heian Jingu Shrine เป็นสวนที่ใหญ่และสวยมาก ๆ เลย 



มีสะพานให้เราข้ามผ่านด้วยกัน เค้าเชื่อกันว่าถ้าเราก้าวผ่านสะพานนี้จะทำให้เราสมหวังในสิ่งที่เราขอพรไว้ เราก็เลยขอข้ามหน่อยละกัน ท่าทางจะสนุกดี โดยมีม๊าถ่ายรูปให้ ขอบคุณนะค่ะ


วัดนี้เดินไกลแต่เพลินค่ะ


ขอถ่ายรูปหน่อยละกัน ไว้เป็นหลักฐานว่าเราเคยมากระโดดที่สวนนี้แล้ว
(การกระโดดครั้งนี้ทำให้ @khajochi ทำแว่นหายด้วย)


พิพิธภัณฑ์ Sanjusangendo ข้างในเป็นรูปปั่นของเทพองค์ต่าง ๆ ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น ห้ามถ่ายรูปบริเวณข้างในเลยไม่มีภาพมาให้ดู


เดินทางไปวัดน้ำใส (Kiyomizu-Dera) เพราะรถขับขึ้นไปไม่ได้เลยต้องออกแรงเดินกันหน่อย


แต่เหนื่อย+ร้อน ขอแวะกินไอติมอันละ 400 เยนกันหน่อย แพงแต่อร่อยค่ะ


ในที่สุดเราก็มาถึงหน้าวัดกันแล้ว รู้เลยว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงแข็งแรง


ว้าว ๆ ๆ สวยมาก ๆ เลย


นี่คงเป็นที่มาของชื่อวัดนี้ ... วัดน้ำใส


บ๊ายบาย วัดในเกียวโต

รถโค้ชพาเราทุกคนไปส่งที่โรงแรม Hotel IROHA เป็นโรงแรมแบบญีปุ๊น ญี่ปุ่นอ่ะ เวลา 6 โมง เพื่อน ๆ ป๊ามารอรับหลายคนเลย ดูอบอุ่นดีจัง วันนี้มีล่ามด้วยชื่อน้องส้ม เย็นนี้มีนัดทานข้าวเย็นกับเพื่อน ๆ ป๊า และชาว Rotary เวลา 18.30 น. กว่าจะทักทาย, แจกกุญแจห้องกันเรียบร้อย ก็เหลือเวลาอีก 10 นาที มาช้าก็ไม่ด เลยได้เข้าห้องน้ำแล้วมารอที่ห้องอาหาร ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นห้องอาหารเล็ก ๆ กินกันไม่กี่คน ง่าย ๆ เหมือนข้าวเย็นเมื่อวาน แต่พอเข้าไปถึงห้องอาหารก็เกิดอาการ งง ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้ว่าเรามาถูกงานหรือเปล่า ? ไม่มีคนรู้จักอยู่ในห้องเลย มีคนใส่ชุดกิโมโนอยู่ 4 คน เค้าบอกให้เราเข้าไปนั่งรอข้างใน เรามาถึง 2 คนแรกเหรอเนี่ย?????? ทำไงดี ๆ ๆ

ห้องที่เราเข้าไปนั่งนี่เป็นเหมือนห้องอาหารท่านโชกุน (ไม่ได้เวอร์) มีเบาะนั่ง และโต๊ะอาหารที่จัดไว้แล้วประมาณ 30 ชุด เลือกมุมนั่งไม่ถูกเลย ว่าตรงไหนจะปลอดภัยที่สุด นั่งแบบเกร็ง ๆ ซักพักก็มีคนอื่นตามเข้ามา เยอะเลย แต่งตัวกันทางการมาก ๆ และเพิ่งรู้หนึ่งในผู้หญิงที่ใส่ชุดกิโมโนเป็นภรรยาเจ้าของโรงแรมนี้ด้วย (พูดภาษาอังกฤษได้ด้วยละ ชอบคุยกับคนนี้ที่สุดเลย)

เมื่อทุกคนมาครบ (เกือบ ๆ ทุ่ม) ก็ได้เริ่มกล่าวเปิดงานเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยมีน้องส้มเป็นล่ามภาษาไทยให้ และเมื่อคนไทยพูดก็มีน้องส้มเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นให้


และแล้วได้ถึงเวลากิน


นี่เป็นชุด starter ของทุกคน


ตามด้วยเบียร์ โดยมีสาว ๆ ไมอิโกะ ค่อย ๆ รินให้ทีละคนเป็นแก้วแรก


เหมือนเป็นธรรรมเนียมที่นี่ที่ผู้ใหญ่จะรินเบียร์ให้คนเด็กกว่า ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่กินแก้วแรกเลย เค้าก็มานั่งรอแล้ว เราก็เลยต้องกระดกสด ๆ


สวยมาก ๆ เลยเน๊อะ



แล้วก็ตามมาด้วยสาเกร้อน และสาเกเย็น ตาปรือแล้วนะเนี่ย 



คั่นรายการด้วยการพูดคุยกัน โดยผ่านทางล่ามสาวของเรา



ปลาดิบจานนี้สุดย๊อดดดด !!!!!


เนื้อโกเบจานนี้สุดยอดกว่า ท้องจะแตกอยู่แล้ว แต่ต้องพยายามกินให้หมด เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้กินเนื้อที่อร่อยอย่างนี้อีกหรือเปล่า


ปลาอะไรไม่รู้ จำชื่อไม่ได้ แอบไปเห็นราคาในห้างทีหลัง แพงม๊ากกกกก

ต้องมีวิธีการกินแบบญี่ปุ่นด้วย ซึ่งกะเหรี่ยงอย่างเรากินไม่เป็นแน่นอน  เลยต้องมาสอนกันถึงที่เลย



ให้ของขวัญเป็นการขอบคุณที่ให้ห้องพัก และอาหารสุดประทับใจมื้อนี้ และมอบให้แก่ทุกคนที่มางานด้วย



รำเพลงลอยกระทงเพื่อความสนุกสนาน (หรืออาจถือโอกาสย่อยอาหารไปในตัว ?)


และแล้วอาหารชุดต่อมาก็มาถึง ชุดนี้เป็นปลากระพงทอด (อร่อยมาก) และหอยนางรมยักษ์สด กินโดยการบีบเลมอนใส่แล้วเข้าปากเลย เลิศรสมากกกก



ชุดนี้เป็นเหมือนข้าวต้มญี่ปุ่นหรืออะไรซักอย่าง (นุ่ม+หอมมาก ๆ) กับแตงญี่ปุ่น เสริฟคู่กับชาร้อน ท้องจะแตกแล้วนะเนี่ย



จะไม่ไหวแล้วค๊า !!!!



จานสุดท้ายเป็นเมล่อนญี่ปุ่น ซึ่งส้มบอกว่าอร่อยมาก พลาดไม่ได้ ตอนแรกว่าจะไม่กินแต่เปลี่ยนใจละ


คิดถูกมาก ๆ เพราะเป็นเมล่อนที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมา แอบไปดูราคาในห้าง Takashiyama ถูกสุดลูกละ 3,500 บาท แพงสุดลูกละ 7,000 !!!!


เจ้าของโรงแรมบอกว่ามีไวน์ !@#amp;*)&% มาเสริฟ อยากให้ชิม เราทุกคนก็กึ่ม ๆ กันแล้วเลยปฎิเสธแต่น้องส้มเจ้าเดิมบอกว่ารสดีมากต้องลอง อ๊ะ ! ก็ได้ ........ รสดีที่สุดเลย


 
Domo arigato, Oyasuminasai 



ลากันอย่างอบอุ่น


มื้อนี้ประทับใจทีสุดเลย ก่อนไปเคยอ่านหนังสือว่าคนญี่ปุ่นเค้าจะต้อนรับแขกผู้มาเยือนดีมาก ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และวันนี้เค้าก็ทำให้เราเห็นและสัมผัสได้ว่าทุกอย่างวันนี้สุดยอดจริง ๆ


3 ทุ่มครึ่งแล้ว รีบเอากระเป๋าไปเก็บ และเปลี่ยนรองเท้า รีบไปช๊อปปิ้งใกล้ ๆ โรงแรม ไปแบบมึน ๆ ร้านค้าก็ปิดเกือบหมดแล้ว มีแต่ร้านปาจิงโกะที่ดูเหมือนจะเปิดทั้งคืน เข้าไปดูร้านใหญ่มาก ๆ มี 7 ชั้นแหนะ มีตู้เกมหลากหลายแบบ แต่แอบงงกับสนามแข่งม้าจำลองว่าเค้าจริงจังขนาดนี้กันเลยเหรอเนี่ยยยย


เห็นร้านขายยา+เครื่องสำอางยังไม่ปิดเลยขอเข้าไปดูแป๊บ !!! ได้ลิปกรอส Lancome ลด 50% มา 1 แท่ง อยากรู้ว่าหมดอายุเมื่อไหร่ เพราะสติกเกอร์ที่แปะอยู่ด้านหลังไม่ออก (ภาษาญี่ปุ่น) ก็ถามคนขายเป็นภาษาอังกฤษ แต่คุยกับคนขายไม่รู้เรื่อง เลยยื่นตังค์ให้ จบ !


ขากลับเป็นมีวัยรุ่นนั่งเล่นกันริมน้ำ มีผู้หญิงคนนึงรำไฟ และมีผู้ชายตีกลองให้จังหวะ มองไปอีกฝั่งตรงข้ามตีกลองชุดอย่างมัน เราก็ขอนั่งเล่นด้วยละกัน มองดูน้ำใสมาก นั่งตั้งนานไม่มียุงกัดซักตัว น้องส้มบอกว่าฤดูร้อนจะมีคนมาเล่นน้ำที่นี่กันเยอะ แสดงว่าน้ำเค้าสะอาดจริง อยากให้เมืองไทยเป็นแบบนี้บ้างจัง


โรงแรมนี้มีออนเซ็นด้วย ด้วยความอาย เราไม่กล้าจะไปอาบรวมกับคนอื่น เลยแอบถามพนักงานโรงแรมเค้าบอกว่าปิดตี 2 เชอรี่กับเอ็มเลยแอบไปอาบกันตอนเที่ยงคืนครึ่ง แบบเป็นเจ้าของสระเลย ไม่มีคนอยู่ อิอิ


พร้อมย่องไปออนเซ็นแล้วค่ะ


น้ำร้อนมาก ๆ เลย ในหนังสือบอกว่าน้ำที่อ่างออนเซ็นจะมีอุณหภูมิประมาณ 40 องศา เลยค่อย ๆ เอาปลายเท้าแตะ จ๊ากกกกกกก ร้อนมาก ๆ โชคดีที่อยู่คนเดียวเลยค่อย ๆ ปรับสภาพอย่างใจเย็น



Comment

Ads